แนวทางการกำหนดราคาของงานออกแบบ

Update

นักออกแบบหน้าใหม่หลายๆคนอาจจะมีปัญหาเรื่องการตั้งราคาให้กับงานออกแบบของตัวเอง หลายคนไม่รู้ว่าจะคิดเท่าไหร่อาจจะกลัวว่า แพงไป หรือ ถูกไป สำหรับลูกค้าเลยคิดไม่ได้สักที หรือบางคนเห็นราคาในท้องตลาดที่มีการตั้งราคาตั้งแต่ถูกสุดๆไปจนถึงแพงสุดๆเลยคิดไม่ออกว่าสรุปแล้วเราควรจะกำหนดราคางานออกแบบของเราไว้ที่เท่าไหร่ดี

ราคาของงานออกแบบไม่มีข้อกำหนดที่แน่นอนอยู่แล้ว นั่นเพราะนักออกแบบแต่ละคนมีประสบการณ์หรือทักษะไม่เท่ากันเสมอไป และงานออกแบบก็จะขึ้นอยู่กับอีกหลายๆปัจจัยด้วยเช่น งานออกแบบโลโก้ที่มีความซับซ้อน หรือการออกแบบโปสเตอร์ปกติทั่วไป ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการทำไม่มากเท่า แต่ราคาไหนละที่เราควรตั้งให้เกิดความพึงพอใจกับตัวเราและลูกค้าของเรา วันนี้ทีมงาน GRAPPIK จะพาไปศึกษาแนวทางการกำหนดราคาของงานออกแบบกัน

เราสามารถกำหนดราคาของงานออกแบบได้ตามปัจจัยเหล่านี้

1. level of expertise ระดับของความเชี่ยวชาญ

งานออกแบบ

ระดับของความเชี่ยวชาญนั้นจะขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของนักออกแบบแต่ละคนว่าได้ผ่านงานมามากน้อยแค่ไหน ถ้ายิ่งผ่านงานมามากการคิดค่างานออกแบบก็ต้องสูงตามประสบการณ์ไปด้วย


2. project specification รายละเอียดและขอบเขตของงาน

งานออกแบบ

งานแต่ละงานมีความยากง่ายที่แตกต่างกันออกไป บางงานมีรายละเอียดที่มาก บางงานรายละเอียดน้อย ซึ่งเนื้องานเหล่านี้นักออกแบบทุกคนสามารถวิเคาระห์ได้เองจากประสบการณ์ หรือ บางงานต้องการความเนี๊ยบเป็นพิเศษและต้องการเทคนิคที่แพรวพราวหลากหลาย เราก็ควรจะเริ่มราคาในจุดเหล่านั้นลงไป งานออกแบบมีตั้งแต่งานเล็กๆจนถึงงานระดับธุรกิจ ซึ่งเราควรจะต้องวิเคาระห์ว่างานที่เราจะทำนั้นอยู่ในระดับไหน


3. turnaround time จำนวนครั้งในการแก้ไขงาน

งานออกแบบ

งานออกแบบทุกชิ้นบนโลกล้วนต้องถูกแก้ไขทั้งสิ้น จะแก้มากแก้น้อยขึ้นอยู่กับการออกแบบของเรา งานบางงานเราอาจจะคิดว่าดีแล้วสวยแล้วสำหรับลูกค้า แต่ลูกค้ายังไม่พอใจต้องการแก้ไขอยู่เรื่อยๆ จนทำให้เราเสียเวลาในการเริ่มงานชิ้นใหม่ แต่การแก้งานสำหรับนักออกแบบนั้นเราสามารถคำนวณจำนวนครั้งในการแก้ไขได้เบื้องต้น เช่น งานง่ายอาจจะแก้ 1 – 2 ครั้ง หรือ งานที่ใหญ่ขึ้นยากขึ้นอาจจะแก้ 4 – 5 ครั้ง เราควรเอาการคาดการณ์นี้ไปเป็นเทคนิคการกำหนดราคาของงานออกแบบด้วย หรือ อาจจะกำหนดครั้งในการแก้งานไปเลยเพื่อความสบายใจทั้งของนักออกแบบและลูกค้า เช่น แก้ได้ 3 ครั้ง ครั้งที่ 4 เป้นต้นไปคิดเพิ่มครั้งละ x,xxx บาท


4. service and support การบริการช่วยเหลือลูกค้า

งานออกแบบ

งานออกแบบบางชนิดอาจจะต้องมีการบริหารหรือดูแลหลังจากจบงานชิ้นนั้นๆไปแล้วเช่น การออกแบบเว็บไซต์ที่ต้องคอยดูแลระบบ หรือ ดูแลอัพเดทข้อมูล ยิ่งมีการบริการมากเท่าไหร่เราควรคิดค่าการบริการเพิ่มขึ้นตามจำนวนงานไปด้วย


5. level of demand ระดับความต้องการของลูกค้า

งานออกแบบ

งานบางงานมีระยะเวลาที่เร่งรีบเร่งด่วน สั่งเช้าเอาเย็น สั่งดึกเอาเช้า ระดับความต้องการเหล่านี้สามารถนำมาคิดราคาของงานออกแบบได้ เพราะงานที่เร่งรีบอาจจะส่งผลกระทบต่องานอื่นๆที่เรารับไว้ก่อนหน้าไม่มากก็น้อย หรือ เจอลูกค้าที่มีการแก้งานบ่อยๆเราก็อาจจะคิดค่าในส่วนนี้ไว้ล่วงหน้าก่อนเลยก็ได้


6. current economy สภาพการใช้เงินลงทุน

งานออกแบบ

งานออกแบบใครว่าไม่ต้องใช้ทุน คอมพิวเตอร์ เมาส์ปากกา โปรแกรม รูปภาพ กราฟิกต่างๆ ล้วนต้องเสียเงินซื้อมาทั้งหมด ยังไม่รวมถึงถ้ามีหน้าร้านหรือเว็บเป็นของตัวเองที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการโปรโมทเช่าโฮสติ้ง และอุปกรณ์การทำงานของเราก็เสื่อมสภาพลงทุกวันอย่าลืมนำค่าใช้จ่ายเหล่านี้มากำหนดราคาของงานออกแบบด้วย


7. physical location ค่าสถานที่

งานออกแบบ

นักออกแบบหลายคนทำงานที่บ้าน บางคนทำงานร้านกาแฟ แต่ทั้งสองคนนี้ก็ยังเสียค่าใช้จ่ายอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นค่าไฟ ค่าน้ำ หรือ ค่ากาแฟ หรือบางงานจะต้องเดินทางไปหาลูกค้าในที่ไกลๆก็มีค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย เราต้องบวกค่าใช้จ่ายเหล่านี้เข้าไปในการกำหนดราคางานออกแบบด้วยเหมือนกัน


แนวทางการกำหนดราคาของงานออกแบบสรุปได้ดังรูปนี้

flowdesignpric-2

งานแต่ละงานมีรายละเอียดงานที่แตกต่างกันออกไป ลูกค้าของเราก็มีหลากหลายแบบ แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันก็คือ Deadline ของงานนั้นๆตกลงกับลูกค้าทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและเรื่องเวลาในการทำงานให้ดี เพราะหลายคนมาตกม้าตายเพราะรับงานมาแล้วทำไม่ทันกันก็มีเยอะแยะมากมาย

สุดท้ายการกำหนดราคาของงานออกแบบนั้นก็ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัยที่กล่าวมาทั้งหมด อาจจะไม่ต้องนำทุกข้อไปคิดก็ได้แต่อย่างน้อยๆก็ควรคิดราคาค่าออกแบบให้เหมาะสมกับฝีมือและประสบการณ์ของเราแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว

Credit : www.davidairey.com