Google เทรนด์ คืออะไร?

Google Trends คืออะไร มารู้จับกับเครื่องมือทรงพลัง ! วิเคราะห์ตลาดขั้นสูง

Update

Google Trends คือ สุดยอดเครื่องมือทุกเศรษฐกิจของนักการตลาดยุคใหม่ เครื่องมือที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการปรับตัวให้ทันความต้องการที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภค สร้างโอกาสต่อยอดธุรกิจ พร้อมเพิ่มช่องทางในการขยายฐานลูกค้าทุกสถานการณ์เศรษฐกิจ ท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ด้วย Google เทรนด์

Google Trends คือเครื่องมือค้นหาความต้องการ
Google Trends คือเครื่องมือค้นหาความต้องการ

ในยุคปัจจุบันนี้มีการแข่งขันทางการตลาดสูงเป็นอย่างมาก จะทำอย่างไรให้เป็นที่น่าสนใจ สร้างคอนเทนต์แบบไหนให้ลูกค้าชอบ ดังนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำ Google Trends สุดยอดเครื่องมือในการใช้งานเพื่อหาคอนเทนต์โดยไม่ได้มีดีแค่สามารถใช้หา keyword แต่สามารถเจาะลึกไปถึงเทรนด์ที่เกี่ยวข้องได้อีกด้วย จึงเหมาะสำหรับนักการตลาดยุคใหม่ที่จะสร้างคอนเทนต์เพื่อดึงดูดลูกค้าที่ไม่ควรพลาด !!!!!!

Google Trends คือ เครื่องมืออำนวยความสะดวกส่งตรงมาจาก google เพื่อช่วยในการใช้ค้นหาคำ keyword ที่เป็นที่นิยมในปัจจุบันในโลกออนไลน์แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นคำพูด ยี่ห้อรถยนต์รุ่นใหม่ และคำอื่น ๆ อีกมากมายที่กำลังได้รับความนิยมจำนวนมากในขณะนี้ทำให้เราสามารถตรวจสอบ วิเคราะห์คำที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็วแม่นยำและสามารถนำไปต่อยอดทางการตลาดอื่น ๆ ได้

นอกจากจะอัพเดทข้อมูลการค้นหาแบบเรียลไทม์แล้วยังมีฟีเจอร์อีกหลายอย่างให้ใช้เปรียบเทียบและวิเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็น

  • เปรียบเทียบข้อความค้นหา ทำให้สามารถเลือกเปรียบเทียบคำค้นหาที่เราต้องการว่าคำไหนมีการค้นหาเยอะที่สุดเพื่อนำไปใช้ในการสร้างคอนเทนต์และยังมีการเสนอคำที่เกี่ยวข้องกับ keyword นั้น ๆ
  • จำกัดการค้นหาตามช่วงเวลา สามารถเลือกช่วงเวลาการค้นหาคำและ keyword ได้เพื่อความแม่นยำในการดึงข้อมูลมาใช้งานและยังสามารถเจาะจงช่วงเวลาของการค้นหาแบบเรียลไทม์ได้ไวที่สุดเพียงแค่ 4 ชม.ก่อนหน้า
  • ค้นหาความเกี่ยวข้องทางภูมิศาสตร์ การค้นหาแบบนี้สามารถเจาะจงเลือกได้ทั้งโลก ประเทศ หรือแม้แต่ภูมิภาคนั้น ๆ เพื่อสำรวจความนิยมของประชากรในพื้นที่ได้อย่างดีเยี่ยม

Google เทรนด์ใช้ได้ ง่ายนิดเดียว

ขั้นตอนใช้นั้นง่ายนิดเดียว เดี๋ยววันนี้เราจะมาสอนวิธีใช้งานแบบพื้นฐานกันก่อน

  • เข้าไปพิมพ์คำค้นหา ว่า Google Trends => จากนั้นกดเลือก Google Trends https://trends.google.co.th/
  • จากนั้นพิมคำที่เราต้องการค้นหาลงไป อย่างเช่น บริษัทรับทำเว็บไซต์ และคำอื่น ๆ ที่ใกล้เคียงเพื่อเปรียบเทียบก็ได้เช่น ทีมรับทำเว็บไซต์ หรือ รับทำเว็บไซต์กรุงเทพ เป็นต้น
ใช้ Google เทรนด์ เปรียบเทียบคำค้นหา
ใช้ Google เทรนด์ เปรียบเทียบคำค้นหา
  • ข้อควรระวังให้เลือกคำค้นหาในประเทศไทย เพราะว่าโดยส่วนมากจะเป็นข้อมูลค้นหาจากทั่วโลก
  • เลือกช่วงเวลาที่ต้องการ สามารถเลือกระยะเวลาย้อนกลับไปได้มากถึงปีค.ศ 2004 และเจาะจงเวลาได้ไวล่าสุดถึง 4 ชม.ก่อนหน้า
  • ในส่วนหมวดหมู่และประเภทการค้นหานั้นแนะนำให้เป็นทุกหมวดหมู่และการค้นหาประเภทเว็บไซต์เพราะจะได้ข้อมูลทุกประเภทที่ต้องการได้

ในส่วนของการใช้ Google Trends เป็นตัวช่วยเพื่อดัน SEO และวางแผนการทำ Content ในอนาคตมีวิธีการทำได้หลายวิธี มาดูกันดีกว่าว่ามีวิธีและเทคนิคแบบไหนที่ควรนำไปใช้กันบ้าง

  1. ใช้เทคนิควิเคาระห์ Keywords ตามตามเทศกาลและช่วงปีเพื่อนำมาทำ Content เช่นคำว่า ที่เที่ยวเชียงใหม่ เปรียบเทียบกับ ที่เที่ยวภูเก็ต เราจะเห็นว่าคนค้นหาในช่วงเดือน เมษายน จะค้นหาที่เที่ยวภูเก็ตมากกว่า ถ้าใครทำ Content เชิงท่องเที่ยวในเดือน เมษายน ของทุกปีก็ควรใช้ Keywords นี้ เป็นคำตั้งต้นในการทำ Content เพื่อดัน SEO รวมถึงทำ Content ลง Facebook เพื่อกระตุ้นความสนใจของคนในช่องทางอื่น ๆ ได้อีกด้วย
ตัวอย่างการใช้ Google เทรนด์ เปรียบเทียบ Keywords

2. ใช้เทคนิคเลือก Keywords มาทำ Content สมมุติว่าเราเป็นเจ้าของธุรกิจอยู่ที่ภูเก็ต แต่ไม่รู้ว่าจะเลือกคำไหนหรือประเด็นไหนมาทำ Content ดี ให้ใช้ Google Trends ในการเปรียบเทียบ เช่น ร้านอาหารภูเก็ต เปรียบเทียบกับ ร้านกาแฟภูเก็ต เราจะเห็นว่าคนจะหาคำว่าร้านอาหารมากกว่าร้านกาแฟ

ถ้าเปรียบเทียบให้ชัดลองมาเปลี่ยนเป็นคำว่า ร้านอาหารเชียงใหม่ เปรียบเทียบกับ ร้านกาแฟเชียงใหม่ เราก็จะเห็นว่ากราฟของ 2 คำนี้จะค่อนข้างใกล้เคียงกัน เพราะตัวจังหวัดเชียงใหม่จะเด่นทั้งเรื่องอาหารและกาแฟ แตกต่างจากภูเก็ตที่เรื่องอาหารจะเด่นกว่า

อีกหนึ่งตัวอย่างที่ได้วิเคราะห์ให้กับลูกค้าที่ได้ทำเว็บไซต์และ SEO SEM กับเราอย่าง คลินิกผิวหนังกะทู้ ที่ตั้งอยู่ในอำเภอกะทู้ จังหวัดภูเก็ต เราก็ได้ใช้ Google Trends วิเคราะห์ก่อนว่าควรใช้ Keywords อะไรในการทำโฆษณาทั้งการทำ SEO และ SEM เราจะเห็นว่าคำค้นหาส่วนมากจะเป็นภาษาอังกฤษที่ชาวต่างชาติจะค้นหากัน เราจึงใช้ Keywords หลังของเว็บไซต์ในการลงโฆษณาเป็นภาษาอังกฤษ

3. ช่วยคิดไอเดียในการทำ Content หรือวางแพลน Content ได้ตลอดปี เมื่อไหร่ที่เราไม่รู้ว่าจะเขียน Content อะไรต่อดีหรือ Content ที่เราเคยเขียนแล้วเริ่มต้นลองใช้ Google Trends ในการคิด Content ใหม่ ๆ ได้ เพราะฟีเจอร์ Related Topics ที่มีมาให้ใช้ก็น่าสนใจไม่น้อย ตัวอย่างจาก ร้านอาหารเชียงใหม่ เปรียบเทียบกับ ร้านกาแฟเชียงใหม่ ถ้าเราเลื่อนลงมาดูด้านล่างต่อจากกราฟเปรียบเทียบ เราจะเห็นว่าช่วงนี้มี Keywords อะไรที่น่าสนใจหรือมีคนกำลังค้นหาคำว่าอะไรกันอยู่อีกบ้าง เพื่อให้เรานำไปทำ Content หรือ วางแพลน Content ที่จะเขียนต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ

และถ้าใครอยาก ทำเว็บไซต์ให้สวยงามและตอบโจทย์ทางการตลาดออนไลน์ ทาง Grappik มีบริการออกแบบและพัฒนาเว็บไซต์รวมถึงให้คำปรึกษาการตลาดออนไลน์แบบครบ Loop สามารถดูรายละเอียดได้ที่หน้า บริการรับทำเว็บไซต์ ของเราได้เลย