ในยุคสมัยที่เกรดเฉลี่ยอาจจะไม่พอสำหรับการไปสมัครงานกับบริษัทต่างๆ Portfolio จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่บริษัทต่างๆจะใช้ในการพิจารณาในการรับพนักงานใหม่ การเก็บรวมรวบผลงานจากการทำงานที่ต่างๆหรือแม้กระทั่งการเก็บผลงานที่ได้ทำจากตอนที่ได้กำลังศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัยนั้นถือว่าเป็นสิ่งสำคัญมากๆ
หลายคนที่ทำงานแล้วก็คงจะเก็บ Portfolio เอาไว้ไม่มากก็น้อยซึ่งการอัพเดทผลงานใหม่ๆเข้าไปในแต่ละครั้งที่ต้องการหางานที่ใหม่นั้นก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาที่หน้าหนักใจเลย อาจจะหนักใจเรื่องการอัพเงินเดือนมากกว่า แต่เด็กจบใหม่หรือคนที่อยากจะเข้ามาทำงานสายออกแบบนั้น Portfolio อาจจะยังมีไม่มากเท่าไหร่ ซึ่งหลายคนอาจจะหนักใจหรือไม่สบายใจเวลาส่ง Portfolio ไปสมัครงานที่ไหนก็กลัวที่จะไม่ได้งานเพราะว่าผลงานของเรานั้นน้อยเกินไป ซึ่งวันนี้เราจะมาแก้ปัญหาสำหรับคนที่ผลงงานน้อยแต่ต้องการทำ Protfolio ให้ดูแน่นมากขึ้นและเราก็จะมาช่วยปรับ Portfolio ให้กับคนที่มีผลงานเยอะส่งเพื่อให้ได้ส่งผลงานไปสมัครงานได้อย่างมีคุณภาพกันครับ
1. คัดผลงานที่ดีที่สุดใส่ลงไป
ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาพึ่งจบใหม่หรือคนที่ได้ทำงานมาสักพักแล้ว ทุกคนล้วนได้ทำงานส่งอาจารย์หรือส่งเจ้านายส่งและให้ลูกค้าไปไม่มากก็น้อย เชื่อได้เลยว่าทุกผลต้องมีผลงานระดับ Masterpiece ที่ตัวเองภูมิใจอยู่แน่ๆ การใส่งานเหล่านี้ลงไปจะทำให้ Portfolio ของเรานั้นดูมีคุณภาพขึ้นอย่างแน่นอน และรู้หรือไม่ว่าผลงานเหล่านี้เพียงแค่เปิดมาแค่หน้าเดียวเราก็สามารถพูดต่อได้เรื่อยๆอย่างคล่องแคล่วและให้คำอธิบายกับผลงานได้อย่างครบถ้วน
อย่าพยายามยัดผลงานเข้าไปทุกชิ้นให้ Portfolio ของเราดูเยอะ แต่อยากให้เราพยายามเน้นใส่ผลงานที่มีคุณภาพเข้าไปและใช้การอธิบายผลงานนั้นๆเพิ่มเติมให้ละเอียดจะดีกว่า
2. จับใส่ Mock Up ให้ดูแจ่มขึ้น
ผลงานออกแบบถ้าอยู่ในหน้าจอคอมอาจจะดูไม่หวือหวามาก แต่ถ้าได้นำไปใช้งานจริงอย่างเช่น Packaging, Logo, Poster หรือ Website แล้วงานที่ออกมาในขั้นสุดท้ายของการนำไปใช้จริงค่อนข้างจะดูดีกว่ามากๆ แต่แน่นอนว่าการส่ง Portfolio ไปสมัครงานนั้นเราไม่สามารถที่จะส่งงานที่ได้ผลิตออกมาแล้วไปให้ทางบริษัทใหม่ได้เห็นได้ง่ายๆหรือนอกจากเว็บไซต์ที่จะแนบ URL ไปได้นั้นอย่างอื่นแทบจะส่งไปไม่ได้เลย อย่างดีที่สุดก็ทำได้แค่ถ่ายรูปไป ถ่ายออกมาสวยก็วินๆถ่ายออกมาไม่สวยก็ช้ำใจ งั้นลองเปลี่ยนใหม่นำงานมาใหม่ Mockup กันดีกว่าไหม
Mock Up คืออะไร
Mock Up ถ้าพูดถึงความหมายแบบง่ายๆก็คือแบบตัวอย่างจำลองของงานดีไซน์ชนิดนั้นๆ เช่น ถ้าเราออกแบบเว็บไซต์มา 1 หน้า เราก็นำเว็บไซต์ที่เป็นภาพ JPEG นั้นไปใส่ใน Mock Up ที่เป็นภาพคอมพิวเตอร์ที่วางอยู่ในสถานที่หรือสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้ลูกค้าหรือคนที่เราได้ไปเสนองานนั้นเห็นภาพและเข้าใจและเห็นภาพรวมของงานทั้งหมดมากขึ้น
จุดประสงค์หลักๆของการทำ Mock Up ก็คือการทำให้ลูกค้าหรือผู้คนได้เข้าใจว่าเมื่องานที่เราได้ทำ ถ้าเกิดทำเสร็จ 100% จะออกมาเป็นแบบนี้ มีสเกลประมาณนี้ ตัวอย่าง Mock Up ที่เราจะเห็นบ่อยๆขอยกตัวอย่าง การขายคอนโดหรือบ้านจัดสรรค์นะครับ เวลาเราจะไปซื้อบ้านซื้อคอนโดที่ยังไม่ได้มีการเริ่มก่อสร้างนั้นเค้าจะมี Model การจำลองออกมาให้ดูก่อนว่ามีพื้นที่ประมาณนี้ สระว่ายน้ำอยู่ตรงนี้ ตึกสูงแบบนี้ เราก็ทำความเข้าใจได้ง่ายๆจากการดูตัวอย่าง
อ่านเพิ่มเติมได้ที่: https://grappik.com/mockup-design/
3. ทำ VDO Showreel
สำหรับสายงาน Motion Graphic, VFX, Animation, 3D ที่ต้องส่งผลเป็น VDO ให้ทำ VDO Showreel ขึ้นมา VDO Showreel คือการนำงานของเรามาตัดต่อยำรวมกันให้ดูกระชับและน่าตื่นเต้นมากขึ้น เน้นเฉพาะฉากหรือ Scene สวยๆมาตัดสลับกันไปมาดังตัวอย่าง
https://www.youtube.com/watch?v=QOnwSMBtrhE&feature=youtu.be
ผลงานจาก Ponkrid Kumplee
4. สร้างผลงานขึ้นมาใหม่
สำหรับนักศึกษาจบใหม่ที่ยังไม่มีผลงานมากพอจะใส่ลงไปใน Portfolio เราควรที่จะต้องสร้างสรรค์ผลงานขึ้นมาใหม่ แต่จะสร้างยังไงดีไม่มีข้อมูลไม่รู้จะทำอะไรทุกอย่างจะดูกว้างไปหมดถ้าเป็นแบบนั้นแนะนำให้ทำงานฝึกมือโดยการตั้งโจทย์ง่ายๆขึ้นมาเช่น ออกแบบโลโก้ใหม่ให้กับสำนักงงานนายกรัฐมนตรี หรือออกแบบโลโก้ใหม่ให้ คสช. ให้ดูดีดูสวยมากขึ้น แค่นี้เราก็ได้มีผลงานเจ๋งๆไว้ส่งไปให้บริษัทที่ต้องการสมัครงานได้ดูแล้ว
หรืออีกทางลองนำ Tutorial เจ๋งๆจากเว็บต่างประเทศมาลองทำตามและเปลี่ยนให้เป็นสไตล์ตัวเองก็ได้ ซึ่งใน Youtube หรือเว็บไซต์ดังๆก็มีให้ฝึกมากมาย เว็บไซต์ที่แนะนำ abduzeedo.com
5. ใส่งานเข้าไปไม่มากหรือน้อยเกิน
การใส่ผลงานเราเข้าไปใน Portfolio ให้ดีนั้น ไม่ควรจะใส่น้อยเกินหรือมากจนเกินไป จำนวนผลงานหรือจำนวนหน้าที่เหมาะสมในการใส่ผลงานนั้นควรจะอยู่ที่ 20 – 30 หน้าโดยประมาณ เน้นเฉพาะงานที่ดีที่สุดของเราหรืองานที่เราอยากจะนำเสนอเหมือนที่บอกเอาไว้ในขอที่ 1
สิ่งที่ไม่ควรทำในการส่ง Portfolios ไปสมัครงาน
1.ส่ง Portfolio ไปสมัครงานพร้อมกันหลายๆที่โดนไม่แยกอีเมล์ การส่ง Portfolio ไปสมัครงานนั้นควรจะแยก 1 อิเมล์ 1 บริษัท เท่านั้น
2.การตั้งชื่อไฟล์ เราควรตั้งชื่อไฟล์ให้เป็นภาษาอังกฤษและตั้งชื่อไฟล์ด้วยหัวเรื่องตามด้วยชื่อนามสกุลของเรา เช่น Portfolios_John_Cena ไม่ควรตั้ง Portfolios_Edits_Final แบบนี้ไม่ควรทำนะครับ เพราะเค้าจะไม่รู้ว่านี่คือไฟล์ของใคร
ทั้งหมดที่กล่าวมาจะเป็นแนวทางในการทำ Portfolio ของเราให้ดีขึ้นได้ไม่มากก็น้อย ส่วนใครที่มีความคิดเห็นเพิ่มเติมที่อยากจะแชร์เกี่ยวกับเรื่องของการทำ Portfolio ก็มาแชร์กันได้เลยครับ